Architectural Design

อยากได้บ้านสักหลังที่มีสไตล์เป็นของเราเองและมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะกับเราต้องเริ่มจากอะไรบ้าง ?

1. พูดคุยความต้องการเบื้องต้นกับสถาปนิก

พื้นที่ใช้สอยและมิติของตัวบ้าน

ที่ดินที่จะก่อสร้าง พื้นที่รวมของที่ดิน ด้านแคบ ด้านยาวของที่ดิน จะเป็นตัวกำหนดพื้นที่ใช้สอยสูงสุดต่อ 1 ชั้นของบ้านรวมถึงรูปทรงของบ้านด้วย เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ต้องเว้นระยะจากขอบตัวอาคารถึงแนวเขตที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดระยะร่นไว้เป็นอย่างต่ำ

สไตล์ของตัวบ้าน

พูดคุยเรื่องสไตล์บ้านเบื้องต้นกับสถาปนิก ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญเนื่องจากสถาปนิกจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการออกแบบ หากเจ้าของบ้านมีรูป Reference ของตัวบ้านหรือวัสดุที่ต้องการเจาะจงใช้เป็นพิเศษ สามารถส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กับสถาปนิกได้ในขั้นตอนนี้

ห้องและการใช้งาน

นอกจากสไตล์บ้านที่บ่งบอกตัวตนของเจ้าของบ้านแล้ว ห้องและฟังก์ชั่นการใช้งานของตัวบ้านก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เจ้าของบ้านจะต้องแจ้งข้อมูลแก่สถาปนิกว่าจะมีผู้อยู่อาศัยกี่คน , อายุของผู้อยู่อาศัย และการใช้งานห้องของแต่ละคน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้สถาปนิกออกแบบได้ตรงกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยแต่ละคนมากขึ้น

ช่วงเวลาที่จะเข้าอยู่อาศัย

แน่นอนว่าเมื่อมีแพลนที่จะสร้างบ้าน เราย่อมนึกภาพไปถึงวันที่เราจะได้เข้าอยู่ การแจ้งต่อสถาปนิกว่าเรามีแพลนจะเข้าอยู่ตอนไหนจะทำให้สถาปนิกวางแผนการทำงาน รวมถึงกำหนดกรอบเวลาเพื่อให้การก่อสร้างเสร็จสิ้น ใกล้เคียงกับที่เจ้าของบ้านต้องการได้

2. การพัฒนาแบบร่างเบื้องต้น

 จากรายละเอียดข้างต้นในข้อที่ 1. สถาปนิกได้ศึกษาและหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของตัวบ้าน หรือพื้นที่รอบบ้าน, ขนาดพื้นที่ใช้สอยในแต่ละห้อง, ลักษณะการใช้งานตามอายุของผู้อยู่อาศัย เป็นต้น โดยสถาปนิกจะร่างแบบขั้นต้นเป็น 3 มิติเพื่อเสนอต่อเจ้าของบ้านประกอบการพิจารณาและพัฒนาแบบบ้านต่อ

ซึ่งปกติแบบร่างขั้นต้นจะแก้ไขให้ตรงตามความต้องการไม่เกิน 4 ครั้ง หากเกินจำนวนนี้จำเป็นต้องเริ่มขั้นตอนข้อที่ 1 ใหม่ นอกจากนี้ยังมีกระบวนการหลังบ้านของสปานิกคือ เมื่อพัฒนาแบบร่างได้ 50% แล้ว สถาปนิกจะส่งข้อมูลตัวบ้านให้วิศวกร 3 ฝ่าย ได้แก่ วิศวกรโครงสร้าง, วิศวกรระบบ และวิศวกรไฟฟ้า เพื่อให้เริ่มศึกษาและออกแบบงานวิศวกรรมขั้นต้น

 ซึ่งปกติแบบร่างขั้นต้นจะแก้ไขให้ตรงตามความต้องการไม่เกิน 4 ครั้ง หากเกินจำนวนนี้จำเป็นต้องเริ่มขั้นตอนข้อที่ 1 ใหม่ นอกจากนี้ยังมีกระบวนการหลังบ้านของสปานิกคือ เมื่อพัฒนาแบบร่างได้ 50% แล้ว สถาปนิกจะส่งข้อมูลตัวบ้านให้วิศวกร 3 ฝ่าย ได้แก่ วิศวกรโครงสร้าง, วิศวกรระบบ และวิศวกรไฟฟ้า เพื่อให้เริ่มศึกษาและออกแบบงานวิศวกรรมขั้นต้น

หลังจากที่ทุกฝ่ายได้รับข้อมูลตัวบ้านเรียบร้อย จะสามารถประมาณราคาก่อสร้างอย่างคร่าวๆ ได้ ปัจจุบันบ้านทั่วไปราคาก่อสร้างอยู่ที่ 12,500-20,000 บาท/ตร.ม. (ราคาเฉพาะพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้าน-ไม่รวมงานบิวท์อินและงานเฟอร์นิเจอร์)

3.การทำแบบขออนุญาตและแบบก่อสร้าง

หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการทำแบบร่างขั้นต้นเราจะได้โมเดล 3 มิติของตัวบ้าน ซึ่งแบบนั้นจะตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านมากกว่า 80% ทางสถาปนิกจะยืนยันการใช้โมเดล 3 มิติ และข้อมูลอื่นๆ ของตัวบ้านกับวิศวกรทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อให้วิศวกรเริ่มจัดทำแบบสำหรับขออนุญาตและแบบสำหรับก่อสร้าง หลังจากที่การจัดทำแบบเสร็จสิ้นเจ้าของบ้านจะได้แบบสำหรับงานขออนุญาต 4 ส่วน คือ

  • แบบสถาปัตยกรรม
  • แบบวิศวกรรมโครงสร้าง
  • แบบวิศวกรรมงานระบบ
  • แบบวิศวกรรมไฟฟ้า

เจ้าของบ้านจะเป็นผู้นำเอกสารทั้งหมดที่ได้จากสถาปนิกและวิศวกรไปดำเนินการเพื่อขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ทั้งนี้หากเจ้าของบ้านไม่สะดวกในการดำเนินการสามารถมอบอำนาจให้ตัวแทนไปดำเนินการได้

4.ทำรายการปริมาณวัสดุและราคาก่อสร้าง (BOQ)

หลังจากที่ผู้ออกแบบได้ประมาณราคาก่อสร้างคร่าวๆ ในข้อที่ 2 ในข้อนี้จะเป็นการถอดปริมาณของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างโดยละเอียด ซึ่งราคาที่ได้จากหัวข้อนี้จะใกล้เคียงกับราคาการก่อสร้างมากขึ้น

5. เริ่มก่อสร้าง

หลังจากที่ได้ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารมาแล้ว (จากข้อที่ 3 ) ผู้รับเหมาสามารถเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มงานก่อสร้างตามแบบ และทีมสถาปนิกจะเข้าตรวจสอบบ้านเป็นระยะเพื่อดูความคืบหน้าของการก่อสร้างเป็นไปตามที่ออกแบบไว้หรือไม่ (การเข้าตรวจสอบหน้างานเป็นคนละส่วนกับการคุมหน้างาน)

รถเข็นของฉัน
สินค้าที่อยากได้
Recently Viewed
หมวดหมู่